แว่นตา บอกตัวตน: คุณอยู่สายไหน?

แว่นตาไม่ใช่แค่เครื่องมือช่วยมองเห็น แต่สะท้อนสไตล์และแนวคิดของแต่ละคน บางคนเลือกตามฟังก์ชัน บางคนเลือกตามกระแส หรือบางคนอาจให้ความสำคัญกับดีไซน์มากกว่าตัวสินค้า

  • Dominance Frame (สายแว่นตะโกน)
    ดีไซน์โดดเด่น เห็นมาแต่ไกล กรอบใหญ่ หนา หรือมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เส้นสายแข็งแรง บ่งบอกถึงความมีระดับและตัวตนของผู้สวมใส่ อาจใช้วัสดุพิเศษหรือเทคนิคการผลิตที่แตกต่าง แว่นที่ใส่แล้วต้องเป็นจุดสนใจ เหมาะกับคนที่ต้องการให้แว่นเป็นส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์
  • Shadow Prestige (สายหรูเงียบ)
    ความเรียบหรูที่ไม่ต้องประกาศ กรอบบางแต่แข็งแรง วัสดุคุณภาพสูง รายละเอียดเนี๊ยบแต่ไม่โอ้อวด ใช้โทนสีเรียบง่าย เช่น ดำด้าน น้ำตาลเข้ม หรือสีเมทัลลิกที่ไม่ได้เงาวาวจนเกินไป แว่นแบบนี้มักใส่สบาย น้ำหนักเบา และเน้นความประณีตของงานฝีมือ
  • Utility Tier (สายโปรใช้งาน)
    ฟังก์ชันต้องมาก่อน ดีไซน์ต้องตอบโจทย์การใช้งานจริง อาจเป็นกรอบไทเทเนียมหรือวัสดุที่ทนทาน เบา ไม่เสียรูปง่าย บางรุ่นมีบานพับแบบพิเศษ หรือเลนส์ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสภาพแสง คนที่เลือกแว่นแบบนี้มักมองหาอะไรที่คุ้มค่า ใช้งานได้นาน ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย
  • Hype Tier (สายเทรนด์แฟชั่น)
    กรอบต้องอินเทรนด์ ดีไซน์ต้องเข้ากับยุคสมัย อาจเป็นทรง Oversized, กรอบใส, เลนส์สี หรือดีไซน์แปลกใหม่ที่ไม่ซ้ำใคร แว่นสายนี้เปลี่ยนไปตามแฟชั่น อาจไม่ได้ใส่สบายที่สุด แต่ต้องดูโดดเด่นและเข้ากับลุคของแต่ละคน
  • Classic Vintage (สายวินเทจ)
    เสน่ห์ของยุคเก่าที่ไม่มีวันตกยุค ดีไซน์ย้อนยุค เช่น กรอบกลมสไตล์นักคิด, Aviator สไตล์นักบิน, หรือกรอบแคทอายสุดคลาสสิก มักทำจากวัสดุที่มีเอกลักษณ์ เช่น อะซีเตต ลวดโลหะบางเบา หรือเขาควายแท้ แว่นแนวนี้ไม่วิ่งตามเทรนด์ แต่เป็นตัวแทนของรสนิยมที่ชัดเจน

ท้ายที่สุด แว่นที่ดี ไม่ใช่แค่สิ่งที่คนอื่นมองเห็น แต่ต้องเป็นสิ่งที่คุณใส่แล้วมั่นใจที่สุด

Leave a comment