Single Vision จำเป็นต้องเป็น Freeform หรือไม่?

Single Vision จำเป็นต้องเป็น Freeform หรือไม่?

การเลือก เลนส์ Single Vision (เลนส์ชั้นเดียว) ควรเป็น Freeform หรือไม่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ค่าสายตา การใช้งาน และคุณภาพของการมองเห็นที่ต้องการ


1. ความแตกต่างระหว่าง Single Vision แบบทั่วไปและ Freeform

Single Vision แบบทั่วไป (Conventional Single Vision)

• ใช้เทคนิคการขัดเลนส์แบบดั้งเดิม

• กำลังเลนส์กระจายสม่ำเสมอทั่วทั้งเลนส์

• มีข้อจำกัดในเรื่องของความคมชัด โดยเฉพาะบริเวณขอบเลนส์

• อาจมีความคลาดเคลื่อนของภาพหากค่าสายตาสูง

Single Vision Freeform

• ใช้เทคโนโลยี Freeform ที่คำนวณค่าสายตาแบบจุดต่อจุด

• ปรับค่าสายตาให้เหมาะสมกับโครงสร้างเลนส์แต่ละจุด ทำให้ได้ความคมชัดสูงกว่า

• ลดความผิดเพี้ยนที่ขอบเลนส์ เหมาะสำหรับคนที่มีค่าสายตาสูง หรือใส่กรอบแว่นขนาดใหญ่

• สามารถปรับแต่งค่าสายตาตามค่าสายตาเฉพาะบุคคล และพฤติกรรมการมอง


2. ใครควรเลือก Single Vision Freeform?

จำเป็นถ้า…

• มีค่าสายตาสูง เช่น สายตาสั้นมากกว่า -4.00D หรือสายตายาวมากกว่า +3.00D

• ต้องการคุณภาพการมองเห็นที่ดีที่สุด โดยเฉพาะขอบเลนส์

• ใช้กรอบแว่นขนาดใหญ่ ซึ่งอาจทำให้เกิดความผิดเพี้ยนในเลนส์ทั่วไป

• ทำงานที่ต้องใช้สายตาอย่างแม่นยำ เช่น งานออกแบบ วิศวกรรม หรือใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน

อาจไม่จำเป็นถ้า…

• ค่าสายตาต่ำ เช่น สายตาสั้นไม่เกิน -2.00D หรือสายตายาวไม่เกิน +2.00D

• ใช้แว่นเป็นครั้งคราว หรือมีงบประมาณจำกัด

• ใช้กรอบแว่นขนาดเล็ก ที่ช่วยลดผลกระทบจากความผิดเพี้ยนที่ขอบเลนส์


3. สรุป

Single Vision Freeform ไม่ได้จำเป็นสำหรับทุกคน แต่ถ้าคุณต้องการความคมชัดที่ดีที่สุด โดยเฉพาะในกรณีที่มีค่าสายตาสูง หรือใช้กรอบแว่นขนาดใหญ่ Freeform จะช่วยลดความผิดเพี้ยนและให้ประสบการณ์การมองเห็นที่ดีขึ้น

หากคุณมีค่าสายตาไม่สูงมาก หรือใช้แว่นเป็นครั้งคราว เลนส์ Single Vision ทั่วไปก็เพียงพอ แต่ถ้าคุณต้องการความคมชัดสูงสุดและสบายตาที่สุด Freeform เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า


ความแตกต่างระหว่าง Freeform และ Aspheric

Freeform และ Aspheric เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตเลนส์แว่นตา ทั้งสองช่วยลดความผิดเพี้ยนของภาพและเพิ่มคุณภาพการมองเห็น แต่มีแนวคิดและกระบวนการผลิตที่แตกต่างกัน


1. Aspheric Lens คืออะไร?

Aspheric Lens (เลนส์แอสเฟียริก) คือเลนส์ที่มีการออกแบบพื้นผิวให้โค้งแบบ ไม่เป็นทรงกลม (non-spherical) ทำให้มีข้อดีหลายประการ

คุณสมบัติของเลนส์ Aspheric

• ลดความโค้งของเลนส์ ทำให้บางและเบากว่าเลนส์ปกติ

• ลดความผิดเพี้ยนบริเวณขอบเลนส์ (Aberration) ได้ดีกว่าเลนส์ทรงกลม

• ให้ภาพคมชัดขึ้น โดยเฉพาะบริเวณขอบเลนส์

• เหมาะสำหรับผู้ที่มีค่าสายตาสูง เพราะช่วยลดความหนาของเลนส์

การผลิต Aspheric Lens

• ใช้วิธีการขึ้นรูปเลนส์ด้วยแม่พิมพ์ที่มีการออกแบบพื้นผิวแบบเฉพาะ

• โครงสร้างของเลนส์จะถูกออกแบบไว้ล่วงหน้า ไม่สามารถปรับแต่งให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคนได้


2. Freeform Lens คืออะไร?

Freeform Lens คือเลนส์ที่ใช้เทคโนโลยีการขัดเลนส์แบบดิจิทัล (Digital Surfacing Technology) ซึ่งสามารถคำนวณค่าสายตาแบบจุดต่อจุดบนพื้นผิวเลนส์ ทำให้ได้ภาพที่คมชัดมากกว่า

คุณสมบัติของเลนส์ Freeform

• ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ช่วยออกแบบและขัดเลนส์ให้แม่นยำกว่าการผลิตแบบดั้งเดิม

• ค่าสายตาจะถูกปรับแต่งแบบจุดต่อจุด (Point-by-Point Optimization) ทำให้มองเห็นได้คมชัดขึ้น

• ลด Distortion และ Aberration ได้มากกว่าเลนส์ Aspheric

• สามารถออกแบบให้เข้ากับพฤติกรรมการมองของแต่ละคน เช่น มุมมองที่ใช้บ่อย หรือท่านั่ง-ยืนของผู้ใช้

การผลิต Freeform Lens

• ใช้ ระบบ CNC (Computer Numerical Control) ควบคุมการขัดเลนส์แบบละเอียด

• สามารถปรับแต่งค่าสายตาเฉพาะบุคคลตามพฤติกรรมการใช้งานจริง


3. Freeform vs. Aspheric ต่างกันอย่างไร?

คุณสมบัติAspheric LensFreeform Lens
หลักการทำงานออกแบบให้พื้นผิวเลนส์โค้งแบบไม่เป็นทรงกลมใช้ระบบดิจิทัลช่วยขัดเลนส์แบบจุดต่อจุด
การลดความผิดเพี้ยนลด Aberration และ Distortion ได้ดีขึ้นจากเลนส์ทรงกลมลดความผิดเพี้ยนได้ดีกว่า Aspheric
ความคมชัดของภาพดีกว่าเลนส์ปกติ โดยเฉพาะบริเวณขอบเลนส์คมชัดสูงสุดเพราะปรับแต่งเฉพาะบุคคล
การปรับแต่งตามผู้ใช้ไม่สามารถปรับแต่งเฉพาะบุคคลได้ปรับแต่งให้เข้ากับพฤติกรรมการมองของแต่ละคน
ความบางและเบาบางและเบากว่าเลนส์ปกติบางและเบาพอๆ กับ Aspheric แต่คุณภาพดีกว่า
ประเภทเลนส์ที่รองรับใช้ได้กับ Single Vision และ Progressive Lensใช้ได้ทั้ง Single Vision และ Progressive Lens แต่ให้ประสิทธิภาพสูงกว่า
การผลิตขึ้นรูปจากแม่พิมพ์สำเร็จใช้ระบบ CNC ขัดเลนส์แบบละเอียด
ราคาถูกกว่าหรือใกล้เคียงกับเลนส์ปกติราคาแพงกว่า เพราะเป็นเทคโนโลยีที่ซับซ้อนกว่า

4. สรุป: เลือกแบบไหนดีกว่า?

ถ้าคุณต้องการเลนส์ที่บางกว่า คมชัดขึ้น แต่ไม่ต้องการปรับแต่งเฉพาะบุคคลAspheric Lens เพียงพอ

ถ้าคุณต้องการคุณภาพการมองเห็นที่ดีที่สุด ปรับแต่งให้เหมาะกับดวงตาและพฤติกรรมของคุณFreeform Lens ดีกว่า

ถ้าคุณมีค่าสายตาสูง หรือใช้กรอบแว่นขนาดใหญ่Freeform จะช่วยลดความผิดเพี้ยนที่ขอบเลนส์ได้มากกว่า

โดยสรุป Freeform Lens เป็นเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่า Aspheric Lens เพราะสามารถปรับแต่งค่าสายตาเฉพาะบุคคลได้ ทำให้มองเห็นคมชัดกว่า และลดความผิดเพี้ยนได้ดีกว่า แต่ถ้าคุณต้องการตัวเลือกที่ราคาย่อมเยา Aspheric Lens ก็เป็นทางเลือกที่ดีและให้คุณภาพที่ดีกว่าเลนส์แบบเก่า

Leave a comment