Progressive Lens Tier & เทคโนโลยีที่ใช้


Progressive Lens Tier & เทคโนโลยีที่ใช้

1. Standard Progressive (Traditional Design)

ลักษณะสำคัญ:

  • ใช้ดีไซน์มาตรฐานแบบดั้งเดิม (Traditional Progressive Design)
  • ผลิตโดยใช้แม่พิมพ์สำเร็จรูป (Mold-based) ซึ่งออกแบบไว้ล่วงหน้า
  • ใช้หลักการ “one size fits all” ทุกคนใช้ดีไซน์เดียวกัน
  • Transition Zone (ช่วงเปลี่ยนค่าสายตา) ค่อนข้างแคบ และเกิด Distortion ด้านข้างมาก

เทคโนโลยีที่ใช้:

  • Hard Design (Traditional PALs)
    • มีพื้นที่ค่าสายตาไกลกว้าง แต่มุมมองใกล้แคบ
    • มี Aberration (ความบิดเบือน) บริเวณขอบด้านข้าง

ข้อดี:

  • ราคาถูกที่สุด
  • ใช้ได้กับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด

ข้อเสีย:

  • ปรับตัวยาก ต้องฝึกกวาดสายตา
  • ความคมชัดของภาพต่ำกว่าเลนส์ระดับสูง
  • ขอบภาพเบลอเยอะกว่ารุ่นใหม่ๆ

2. Mid-Range Progressive (Soft Design / Balanced Design)

ลักษณะสำคัญ:

  • ลด Distortion ด้านข้างเมื่อเทียบกับรุ่น Standard
  • Transition Zone กว้างขึ้น ทำให้การเปลี่ยนจากระยะไกล ➝ กลาง ➝ ใกล้ เป็นธรรมชาติกว่า
  • ใช้ Digital Freeform Technology ในบางส่วนเพื่อปรับให้ค่าสายตาแม่นยำขึ้น
  • สามารถเลือกระยะโฟกัสที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ได้ (Near / Intermediate / Distance Emphasis)

เทคโนโลยีที่ใช้:

  • Soft Design Progressive
    • ลด Distortion ด้านข้าง ทำให้ปรับตัวง่ายขึ้น
    • พื้นที่อ่านหนังสือ (Near Vision Zone) กว้างขึ้น
  • Partial Freeform Technology
    • ปรับแต่งเฉพาะบางส่วนของเลนส์ เช่น พื้นที่อ่านหนังสือ

ข้อดี:

  • ความคมชัดดีขึ้นกว่ารุ่น Standard
  • พื้นที่อ่านหนังสือและคอมพิวเตอร์กว้างขึ้น
  • ใส่ง่ายขึ้นและเวียนหัวน้อยกว่ารุ่นเริ่มต้น

ข้อเสีย:

  • ยังมี Distortion อยู่บ้าง แต่ลดลงจากรุ่น Standard
  • ไม่ได้ปรับเฉพาะบุคคลแบบ Premium

3. Premium Progressive (Full Digital Freeform / Optimized Design)

ลักษณะสำคัญ:

  • ใช้ Full Digital Freeform ในการผลิต ซึ่งช่วยปรับแต่งค่าสายตาให้แม่นยำขึ้นในทุกจุดของเลนส์
  • สามารถปรับแต่งได้ตาม PD (Pupillary Distance), มุมเฟรม (Pantoscopic Tilt), ค่า Wrap Angle
  • ใช้เทคโนโลยี Wavefront Aberration Control ช่วยลดภาพบิดเบือนและทำให้มุมมองคมชัดขึ้นทุกระยะ
  • ปรับตัวง่ายขึ้นกว่ารุ่น Mid-Range

เทคโนโลยีที่ใช้:

  • Full Digital Freeform Technology
    • คำนวณค่าสายตาแบบ Point-by-Point Optimization
  • Wavefront Technology
    • ลด Aberration ที่เกิดจากรูปทรงเลนส์ ทำให้ภาพชัดขึ้น
  • Aspheric / Atoric Design
    • ลด Distortion ขณะหันศีรษะ

ข้อดี:

  • พื้นที่โฟกัสกว้างขึ้น (ทั้งระยะไกลและใกล้)
  • ปรับตัวได้ง่ายขึ้น ใส่แล้วสบายตากว่า Mid-Range
  • ลด Distortion ด้านข้างได้ดีมาก

ข้อเสีย:

  • ราคาสูงกว่า Mid-Range
  • ยังไม่ใช่เลนส์ที่ปรับเฉพาะบุคคล 100%

4. Custom Progressive (Individualized Freeform / Precision Digital Engineering)

ลักษณะสำคัญ:

  • ออกแบบเฉพาะบุคคล 100% โดยคำนวณจากพฤติกรรมการใช้สายตา ท่าทางการอ่านหนังสือ และมุมการมอง
  • ใช้เทคโนโลยี Precision Digital Engineering ช่วยคำนวณโครงสร้างเลนส์ให้เหมาะกับแต่ละบุคคล
  • ลดปัญหาภาพเบลอขอบด้านข้างจนแทบไม่รู้สึก
  • การเปลี่ยนค่าสายตาระหว่างโซนเป็นธรรมชาติที่สุด

เทคโนโลยีที่ใช้:

  • Personalized Digital Optimization
    • คำนวณการกระจายค่าสายตาให้เหมาะสมกับโครงสร้างตาของแต่ละคน
  • Binocular Harmonization Technology (BHT)
    • ทำให้ภาพจากตาซ้าย-ขวา สมดุลกันมากที่สุด
  • Position of Wear (POW) Optimization
    • ปรับตามท่าทางการใส่แว่นของแต่ละคน

ข้อดี:

  • มองเห็นชัดทุกระยะโดยแทบไม่มี Distortion
  • ปรับตัวเร็ว ใส่แล้วสบายตามากที่สุด
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องใช้สายตาหนัก เช่น แพทย์ โปรแกรมเมอร์ นักขับรถ

ข้อเสีย:

  • ราคาสูงที่สุด
  • ต้องมีการวัดค่าสายตาและการปรับแต่งอย่างละเอียด
  • ในบางกรณี ความแตกต่างจาก Premium อาจไม่ชัดเจนพอจะคุ้มค่ากับราคาที่สูงขึ้น

ข้อแนะนำจากทางเราในการเลือก Progressive Lens

ตั้งแต่ Mid-Range ขึ้นไป ถือว่าเป็นเลนส์ที่มีคุณภาพสูง ใส่ง่าย และคุ้มค่ากับราคาที่จ่าย เนื่องจาก

  • มีเทคโนโลยีที่ช่วยลดอาการบิดเบือนของภาพด้านข้าง
  • พื้นที่การมองเห็นกว้างขึ้นทั้งระยะใกล้ กลาง และไกล
  • การปรับตัวทำได้ง่ายขึ้น ลดอาการเวียนหัว

Mid-Range กับ Premium

  • Mid-Range เหมาะกับคนที่เริ่มใช้โปรเกรสซีฟหรือใช้งานทั่วไป
  • Premium คุ้มค่าหากใช้งานหนักหรือใส่แว่นตลอดทั้งวัน

Custom / Individualized Progressive

  • ออกแบบมาเฉพาะบุคคล ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการคำนวณ
  • แต่ในหลายกรณี ความแตกต่างจาก Premium อาจไม่ได้ชัดเจนพอจะคุ้มค่ากับราคาที่สูงขึ้นมาก
  • เว้นแต่ผู้ใช้ต้องการการมองเห็นที่ดีที่สุดในทุกสถานการณ์ หรือเคยมีปัญหากับโปรเกรสซีฟรุ่นอื่น

สรุป

  • ถ้าต้องการความคุ้มค่า Mid-Range หรือ Premium คือจุดที่สมดุลระหว่างราคาและคุณภาพ
  • Custom อาจไม่จำเป็นสำหรับทุกคน เว้นแต่มีความต้องการเฉพาะตัวสูงมาก

ตารางเปรียบเทียบ

Tierราคาเทคโนโลยีคุณภาพภาพการปรับตัว
StandardถูกTraditionalปานกลางปรับตัวยาก
Mid-RangeกลางPartial Freeformดีกว่าปรับตัวง่ายขึ้น
PremiumสูงFull Freeformคมชัดขึ้นปรับตัวง่ายมาก
CustomสูงสุดPrecision Digital Engineeringดีที่สุดใส่แล้วเหมือนไม่ได้ใส่

การเลือกเลนส์ที่เหมาะสมควรพิจารณาตาม งบประมาณ + การใช้งานจริงของผู้ใช้ เพื่อให้ได้ประสบการณ์การมองเห็นที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องจ่ายแพงเกินจำเป็น

Leave a comment