Varilux® XR Series™

Varilux® XR Series™ – เลนส์โปรเกรสซีฟที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อการมองเห็นที่เหนือกว่า

ในยุคดิจิทัลที่ดวงตาของเราต้องรับมือกับข้อมูลจำนวนมากจากอุปกรณ์ต่าง ๆ เทคโนโลยีเลนส์โปรเกรสซีฟจึงต้องพัฒนาไปอีกขั้น Essilor ได้เปิดตัว Varilux® XR Series™ ซึ่งเป็น เลนส์โปรเกรสซีฟรุ่นแรกที่ใช้ AI และแบบจำลองพฤติกรรมการมองเห็น (Behavioral Modeling) เพื่อลดข้อจำกัดของเลนส์โปรเกรสซีฟแบบเดิมและปรับให้เข้ากับพฤติกรรมการใช้สายตาของแต่ละบุคคล


ปัญหาของเลนส์โปรเกรสซีฟแบบเดิม

แม้ว่าเลนส์โปรเกรสซีฟจะช่วยให้ผู้ที่มีภาวะสายตายาวตามวัย (Presbyopia) สามารถมองเห็นได้ในทุกระยะโดยไม่ต้องเปลี่ยนแว่น แต่ก็ยังมีข้อจำกัด เช่น
❌ ต้องใช้เวลาในการปรับตัว โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนโฟกัสระหว่างใกล้และไกล
❌ ภาพอาจพร่ามัวในบางมุมของเลนส์ ทำให้ต้องปรับศีรษะให้เหมาะสม
❌ การมองเห็นขณะเคลื่อนไหว เช่น เดินลงบันได หรือขณะขับรถ อาจทำให้รู้สึกเวียนศีรษะ
❌ ข้อผิดพลาดของกำลังเลนส์และความคลาดเคลื่อนของสายตาระหว่างดวงตาทั้งสองข้าง (Power & Astigmatism Disparity) อาจทำให้การรับภาพไม่สมดุล


Varilux® XR Series™ พัฒนาอย่างไรให้เหนือกว่า?

1. XR-motion™ Technology – เลนส์โปรเกรสซีฟที่ตอบสนองต่อพฤติกรรมการมองเห็น

🔹 ขับเคลื่อนด้วย AI: ใช้ข้อมูลจากผู้ใช้จริงกว่า 1 ล้านจุดข้อมูล เพื่อวิเคราะห์ รูปแบบการมองเห็นและพฤติกรรมการเคลื่อนที่ของสายตา
🔹 ปรับแต่งตามพฤติกรรมเฉพาะบุคคล: ปรับการออกแบบเลนส์ให้เข้ากับพฤติกรรมการลดระดับสายตา (Gaze Lowering) และระยะการเพ่งของผู้ใช้
🔹 การเปลี่ยนระยะมองใกล้-ไกลที่เป็นธรรมชาติ: ลดอาการเวียนศีรษะและการเพ่งผิดตำแหน่ง


2. Binocular Optimization – ลดข้อผิดพลาดของกำลังสายตาและ Astigmatism

🔹 ลดความต่างของกำลังเลนส์ระหว่างดวงตาทั้งสองข้าง ให้การมองเห็นสองตาทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น
🔹 แก้ปัญหา Power Disparity และ Astigmatism Disparity ช่วยให้การโฟกัสระยะใกล้-กลาง-ไกลราบรื่นขึ้น
🔹 ใช้เทคนิค Ray-Tracing ในการออกแบบเลนส์ ทำให้สามารถควบคุมจุดโฟกัสให้แม่นยำขึ้น


3. ขยายขอบเขตการมองเห็น (Broadband Vision Volume)

🔹 ขอบเขตการมองเห็นกว้างขึ้น 49% เมื่อเทียบกับ Varilux® X Series™
🔹 ลดการสูญเสียความสามารถในการมองเห็นสองตา (Binocular Acuity Loss < 0.150 logMAR)
🔹 ลดข้อผิดพลาดของกำลังเลนส์ในบริเวณมุมมองศูนย์กลาง (Power Disparity < 0.15D, Astigmatism Disparity < 0.25D)


ผลการทดสอบกับผู้ใช้จริง

Essilor ได้ทดสอบ Varilux® XR Series™ กับกลุ่มผู้ใช้เลนส์โปรเกรสซีฟ 73 คน ที่มีประสบการณ์ใช้งานมาก่อน ผ่านการทดลองสวมใส่เลนส์ใหม่เป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยเปรียบเทียบกับเลนส์ที่ใช้อยู่เดิม

ผลลัพธ์ที่ได้จากการสำรวจผู้ใช้จริง (Wearer Test Results)

95% ปรับตัวเข้ากับเลนส์ได้ตั้งแต่วันแรก
90% รู้สึกว่าภาพคมชัดขึ้นในทุกระยะ แม้ขณะเคลื่อนไหว
95% รู้สึกมั่นใจมากขึ้นเมื่อต้องเคลื่อนที่


Varilux® XR Series™ – เลนส์โปรเกรสซีฟที่ดีที่สุดในตลาด

💡 เป็น เลนส์โปรเกรสซีฟรุ่นแรกที่ขับเคลื่อนด้วย AI และ Behavioral Science
💡 ปรับแต่งเลนส์ให้เข้ากับพฤติกรรมการมองเห็นของแต่ละบุคคล
💡 ช่วยให้ มองเห็นคมชัดขึ้น ลดข้อผิดพลาดของสายตา และลดอาการเวียนศีรษะ
💡 จากการทดสอบและวิเคราะห์ทางสถิติ Varilux® XR Series™ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเลนส์โปรเกรสซีฟที่ดีที่สุดในตลาด เมื่อเทียบกับคู่แข่งระดับพรีเมียม


สรุป

📌 Varilux® XR Series™ เหมาะสำหรับใคร?
✔ ผู้ที่มีภาวะสายตายาวตามวัย (Presbyopia)
✔ ผู้ที่ใช้เลนส์โปรเกรสซีฟอยู่แล้วแต่ต้องการการมองเห็นที่ดียิ่งขึ้น
✔ ผู้ที่ต้องทำงานหลายอย่างพร้อมกันและเคลื่อนไหวบ่อย
✔ ผู้ที่ต้องการเลนส์ที่ลดอาการเวียนศีรษะและให้การเปลี่ยนโฟกัสที่เป็นธรรมชาติ

📌 Varilux® XR Series™ แตกต่างจากเลนส์โปรเกรสซีฟทั่วไปอย่างไร?
🔹 ใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมสายตา เพื่อออกแบบเลนส์ให้เข้ากับผู้ใช้
🔹 ลดปัญหาการเบี่ยงเบนของสายตา ทำให้การมองเห็นสมดุลขึ้น
🔹 ให้ภาพคมชัดแม้ขณะเคลื่อนไหว ลดอาการเวียนศีรษะและการเพ่งผิดตำแหน่ง


อ้างอิง

ข้อมูลจาก Essilor Whitepaper – Varilux® XR Series™
(หมายเหตุ: บทความนี้เป็นการสรุปข้อมูลเพื่อการศึกษาและเผยแพร่ความรู้เท่านั้น มิใช่เอกสารทางการของ Essilor)


มีไหมที่ใช้ แล้วไม่ค่อยต่าง

จากข้อมูลการทดสอบ Varilux® XR Series™ กับผู้ใช้จริง พบว่ามีอัตราการปรับตัวที่ดีมาก (95% รู้สึกปรับตัวได้ตั้งแต่วันแรก) แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะสัมผัสความแตกต่างได้อย่างชัดเจนเสมอไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่อไปนี้:

ปัจจัยที่อาจทำให้ความแตกต่างไม่ชัดเจนเมื่อใช้ XR Series™

  1. เคยใช้เลนส์โปรเกรสซีฟรุ่นพรีเมียมมาก่อน
    • หากผู้ใช้เคยใช้เลนส์โปรเกรสซีฟระดับสูง เช่น Varilux® X Series™ หรือเลนส์ที่มีการออกแบบที่ดีอยู่แล้ว อาจรู้สึกว่า XR Series™ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมาก
    • ความแตกต่างจะชัดเจนขึ้นในผู้ที่เปลี่ยนจากเลนส์รุ่นเก่าหรือเลนส์ที่มีคุณภาพต่ำกว่า
  2. ลักษณะการใช้งานส่วนตัว
    • ผู้ที่มีพฤติกรรมการใช้สายตาแบบนิ่ง ๆ เช่น อ่านหนังสือ หรือทำงานคอมพิวเตอร์ อาจไม่รู้สึกถึงความแตกต่างจากเทคโนโลยี XR-motion™ ที่ออกแบบมาให้ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวมากกว่า
    • แต่สำหรับผู้ที่เดินทางบ่อย หรือทำงานที่ต้องใช้สายตาเปลี่ยนระยะบ่อย ๆ ความแตกต่างจะชัดเจนขึ้น
  3. ระดับของปัญหาสายตา
    • ผู้ที่มี ค่าสายตาเพิ่ม (Addition Power) ต่ำกว่า +1.50D อาจไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะระยะเปลี่ยนโฟกัสยังไม่เป็นปัญหาใหญ่
    • แต่ผู้ที่มีค่าสายตาเพิ่มสูงกว่า +2.00D จะเห็นความแตกต่างชัดขึ้น เพราะ XR Series™ ช่วยให้การเปลี่ยนระยะมองเห็นราบรื่นขึ้น
  4. กระบวนการปรับตัวของสมอง (Neuroadaptation)
    • บางคนสามารถปรับตัวเข้ากับเลนส์โปรเกรสซีฟทั่วไปได้ดีอยู่แล้ว ทำให้ความแตกต่างจาก XR Series™ ไม่ชัดเจน
    • แต่สำหรับคนที่เคยมีปัญหาการใช้เลนส์โปรเกรสซีฟ เช่น รู้สึกวิงเวียน หรือมองเห็นเบลอเมื่อเปลี่ยนโฟกัส จะเห็นถึงข้อดีของ XR ได้ชัดเจน
  5. คุณภาพของการวัดสายตาและการประกอบแว่น
    • หากการวัดสายตาหรือการประกอบเลนส์มีข้อผิดพลาด เช่น ค่า PD (Pupillary Distance) ไม่ตรงตำแหน่ง หรือ เฟรมแว่นไม่เหมาะสม ผู้ใช้บางรายอาจไม่เห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ

ใครบ้างที่เห็นความแตกต่างจาก XR Series™ อย่างชัดเจน?

✅ ผู้ที่เคยใช้ เลนส์โปรเกรสซีฟระดับกลางหรือต่ำกว่า มาก่อน
✅ ผู้ที่มีค่าสายตายาวตามวัย (Presbyopia) ค่อนข้างสูง (Addition > +2.00D)
✅ ผู้ที่มีปัญหากับการใช้เลนส์โปรเกรสซีฟแบบเดิม เช่น การมองเห็นเบลอ หรืออาการวิงเวียนศีรษะ
✅ ผู้ที่ต้องทำงานหลายอย่างพร้อมกันและเคลื่อนไหวบ่อย เช่น คนที่เดินทาง ใช้มือถือ หรือขับรถเป็นประจำ


สรุป: XR Series™ อาจไม่ได้ให้ความแตกต่างที่ชัดเจนสำหรับทุกคน

  • หากคุณเคยใช้เลนส์โปรเกรสซีฟระดับสูงมาก่อน และไม่มีปัญหากับการเปลี่ยนโฟกัส อาจรู้สึกว่า XR Series™ ไม่ได้แตกต่างมากนัก
  • แต่ถ้าคุณมีปัญหากับเลนส์โปรเกรสซีฟเดิม หรือมีพฤติกรรมการใช้สายตาแบบเคลื่อนไหวบ่อย ๆ XR Series™ จะช่วยให้การมองเห็นราบรื่นและสะดวกขึ้น

🔹 ทางที่ดีที่สุดคือการทดสอบกับผู้เชี่ยวชาญด้านสายตา เพื่อดูว่า XR Series™ เหมาะกับการใช้งานของคุณหรือไม่ 🔹

Leave a comment