Day Prescription vs Night Prescription ในแว่นสายตา
ในบางคน ค่าสายตากลางวันและกลางคืนอาจแตกต่างกัน เนื่องจากดวงตาตอบสนองต่อระดับแสงที่เปลี่ยนไป เมื่ออยู่ในที่สว่าง รูม่านตาหดลง ทำให้มองเห็นชัดเจนขึ้น แต่เมื่ออยู่ในที่มืด รูม่านตาขยายขึ้น ทำให้แสงเข้าตามากขึ้น และอาจส่งผลให้การมองเห็นไม่คมชัดเท่าที่ควร
1. Day Prescription (ค่าสายตากลางวัน)
ใช้ในช่วงกลางวัน ภายใต้แสงธรรมชาติหรือแสงไฟปกติ เหมาะสำหรับการทำงาน อ่านหนังสือ ใช้คอมพิวเตอร์ และกิจกรรมทั่วไป
ลักษณะสำคัญ
- การมองเห็นมักจะคมชัดขึ้นภายใต้แสงเพียงพอ
- ในบางคน ค่าสายตาที่วัดได้ในช่วงกลางวันอาจแตกต่างจากช่วงกลางคืน
- ปัญหาสายตาที่เกิดขึ้นในเวลากลางวันมักเกี่ยวข้องกับแสงสะท้อนหรือความเมื่อยล้าจากการใช้สายตาเป็นเวลานาน
2. Night Prescription (ค่าสายตากลางคืน)
ใช้ในช่วงกลางคืนหรือในสภาพแสงน้อย เช่น ขับรถกลางคืน ช่วยแก้ปัญหาสายตาสั้นกลางคืน (Night Myopia) และลดแสงสะท้อนจากไฟถนน
ลักษณะสำคัญ
- บางคนอาจมีสายตาสั้นเพิ่มขึ้นในที่มืด ทำให้ต้องใช้กำลังเลนส์มากกว่ากลางวัน
- รูม่านตาขยายขึ้นในที่มืด ทำให้แสงเข้าตามากขึ้น อาจเกิดแสงกระจายหรือแสงสะท้อน (Glare & Halos)
- การใช้แว่นที่เน้นคมชัดในเวลากลางคืน อาจให้ความรู้สึกแปลกตาหรือไม่สบายเมื่อนำมาใช้ในช่วงกลางวัน
3. ควรใช้แว่นแยกกลางวัน-กลางคืนหรือไม่?
- หากค่าสายตาแตกต่างกันมากระหว่างกลางวันและกลางคืน ควรมีแว่นสองตัวแยกกัน เพื่อให้เหมาะกับสภาพแสงและลดความไม่สบายตา
- แว่นที่เน้นความคมชัดเวลากลางคืน อาจทำให้รู้สึกแสบตาหรือเวียนหัวเมื่อนำมาใช้ในช่วงกลางวัน เนื่องจากกำลังเลนส์ที่แรงขึ้น หรือแสงที่เข้าตามากเกินไป
- หากค่าสายตาไม่แตกต่างกันมาก สามารถใช้แว่นตัวเดียวที่มีค่าสายตาอยู่ระหว่างกลาง เพื่อให้ใช้งานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน แม้อาจไม่ได้คมชัดที่สุดในบางสภาพแสง
สรุป
การเลือกค่าสายตาระหว่างกลางวันและกลางคืนขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของแต่ละคน หากมีความแตกต่างของค่าสายตาชัดเจน ควรแยกแว่นออกเป็นสองตัวเพื่อให้การมองเห็นเหมาะสมกับแต่ละช่วงเวลา แต่ถ้าค่าสายตาไม่แตกต่างกันมาก อาจใช้แว่นตัวเดียวที่เหมาะกับทั้งสองสภาพแสงได้ แม้ว่าจะไม่ได้คมชัดที่สุดในทุกสถานการณ์ การเลือกแว่นที่เหมาะสมช่วยให้การมองเห็นสบายตาขึ้นและลดปัญหาจากการเปลี่ยนแสงระหว่างวันและคืน
