รวบรวมคำถามที่พบบ่อยจาก fanpage Essilor Academy Thailand
credit: Essilor Academy Thailand
สำหรับใช้งาน คอมพิวเตอร์ i-relief หรือ prevencia ตัวไหนเหมาะสมกว่ากันครับ?
Essilor Academy Thailand สวัสดีครับ i-relief นั้นเป็นการเคลือบผิวทีเหมาะสมที่สุดสำหรับการลดความเมื่อยล้าของดวงตา และเพิ่มความคมชัดในขณะที่ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่ไม่เหมาะสมที่จะใช้กับเลนส์ที่สวมใส่ตลอดทั้งวัน (ควรใช้เคลือบบนเลนส์แว่นที่ใช้ทำงานหน้าจอคอมพ์โดยเฉพาะ) แต่ Prevencia จะดีที่สุดในประเด็นของการป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อมในระยะยาว(ArMD) สามารถใช้สวมใส่ได้ทั้งวันโดยมีผลข้างเคียงน้อยกว่า i-relief สามารถลดความเมื่อยล้าของดวงตาได้ เพิ่มความคมชัดของหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ แต่ไม่ดีที่สุดโดยเฉพาะหากนำไปเทียบกับ i-relief ดังนั้นหากคุณ ต้องการทำแว่นเพื่อทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ และไม่เอาแว่นอันนั้นไปสวมใส่ในกิจกรรมอื่นๆเช่นขับรถกลางคืนหรือใช้ใส่ทั้งวัน ควรเลือก i-relief แต่หากต้องการแว่นตาอันเดียว และใช้ในทุกๆกิจกรรม โดยยอมประนีประนอมกับประสิทธิภาพในเรื่องการลดความเมื่อยล้าของดวงตาขณะทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ ก็ควรเลือก prevencia ครับ.
2. ปรับแต่งการคำนวนเพื่อมุ่งไปที่การใช้งานบนเลนส์สีเข้ม ซึ่งในสถานการณ์นี้ผู้สวมใส่แแว่นกันแดดจะมีมีรูม่านตาที่เปิดกว้างขึ้นมาก ทำให้เกิดปัญหาต่อความคมชัด แต่ WAVE ที่ได้ optimized มาแล้วจะยังรักษาความคมชัดได้เป็นอย่างดี
3. Stylistic สามารถผลิตได้ในขนาดวงเลนส์ที่ใหญ่กว่า โดยสามารถผลิตให้สามารถรองรับกรอบแว่นได้เทียบเท่า 95มม. (Effective diameter)
4. Stylistic มีการออกแบบให้รองรับและชดเชยปัญหาการเบี่ยงเบนของแสงเมื่อกรอบแว่นมีความโค้งมากๆ ทั้งในแง่ Base curve, Wrap angle, prism deviation. ส่งผลให้เป็นเลนส์ที่มีคุณภาพทางการมองเห็น (Optical Quality) สูงสุดในปัจจุบันแต่สิ่งที่ Nikon See style ทำได้เหนือกว่าก็คือ สามารถเคลือบผิวชนิดฉาบปรอท (Mirror coating) ได้ครับ ขอบคุณครับ
ขอค่า Abbe ของเลนส์ หน่อยครับ
index 1.59 Airware Crizal AS…
index 1.6 Crizal AS ….
index 1.67 Crizal AS ….
จำชื่อรุ่นไม่ค่อยได้ครับ (เลนส์ไม่เปลี่ยนสี)
สอบถามเพิ่มเติม ค่า Abbe ของเลนส์ Essilor แต่ละรุ่นหาดูได้จาก web ไหนครับ
ขอบคุณครับ
Essilor Academy Thailand 1.6 มีค่า Abbe number 36 ครับผม, ส่วน 1.67เท่ากับ 32ครับ
พอได้แว่นมา เอ๊ะ ทำไมมึนๆ พออ่านหนังสือแล้วมันมีสีฟ้าซ้อน พอหาข้อมูลดูเนื่องจากเลนส์ตัวนี้ใช้วัสดุคือ Polycabonate ก็ลองหาข้อมูลดูปรากฎว่าวัสดุชนิดนี้ค่า Abbe แค่ 32 (น้อยมากๆ) ก็เลยมีข้อสงสัยตามด้านบนนั่นล่ะครับ
– ผู้ใช้แว่นต้องมีการเหลือบตาไปจากศูนย์กลางเลนส์มากๆ (เกินกว่า30องศา)
ในขณะเดียวกันอาการดังกล่าวยังสามารถเกิดได้จากเหตุที่ว่า เลนส์ชั้นเดียว Airwear ของ Essilor นั้นผลิตขึ้นโดยใช้เทคโนโลยี Aspherical อันให้ความคมชัดที่เหนือกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สามารถลดปัญหา Spherical Abberation ได้ดีกว่า แต่เมื่อนำไปประกอบเป็นแว่นตาจริงๆ ร้านแว่นตาจะต้องประกอบให้ถูกต้องตามหลักการประกอบเลนส์ชนิดนี้ครับ หากผู้ประกอบไม่ได้ให้ความสนใจกับประเด็นนี้ก็สามารถสร้างปัญหาได้เช่นกันครับ..อย่างไรก็ดีแม้ว่าเลนส์ Airwear จะมีค่า Abbe ที่32 แต่จุดเด่นด้านอื่นๆของเลนส์ชนิดนี้ยังอยู่ที่– น้ำหนักเบามาก
– ป้องกันรังสียูวีจากด้านหน้าได้โดยไม่ต้องเคลือบสารที่ทำให้เลนส์เหลือง
– ทนต่อการกระแทก ปกป้องดวงตาผู้สวมใส่จากอุบัติเหตุได้ดีกว่าเลนส์ธรรมดาถึง 12เท่า (ผ่านมาตราฐาน Ansi Z 87.1)
– ปลอดจากการเสื่อมสภาพจนกลายเป็นสีเหลืองขุ่น ซึ่งเกิดกับเลนส์ทั่วๆไปแทบทุกชนิด เลนส์จะใสไม่เหลืองไปตลอดอายุการใช้งานดังที่กล่าวมาข้างต้น เนื้อเลนส์ชนิด Airwear นั้นมิใช่เลนส์ที่สมบูรณ์แบบโดยไม่มีข้อจำกัดเลนส์ เฉกเช่นกับเลนส์ทุกๆชนิดในโลกนี้ อันมีข้อเด่นข้อด้อยผสมผสานกัน หวังว่าข้อมูลโดยละเอียดนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการเลือกใช้เลนส์นะครับ
ขอบคุณครับ.
อยากถาม i-relief ช่วยลดความเมื่อยล้าดวงตาเมื่อใช้กับlcd led เท่านั้นหรือlcdแบบเก่าด้วยครับ?
Uv spf50+ และ crizal super/alize
และข้อแตกต่างกับ crizal prevencia เพื่อเป็นความรู้ในการขายขอบคุณครับ
Essilor Academy Thailand Crizal Sun UV spf50+ เป็นเทคโนโลยีเคลือบตัดแสงสะท้อนที่สร้างมาสำหรับเลนส์กันแดดโดยเฉพาะครับ ไม่สามารถเอามาใช้ในเลนส์ใสได้ ตัวเลนส์จะประกอบไปด้วยคุณสมบัติ เคลือบแข็งที่ผิวด้านหน้า+เคลือบตัดแสงสะท้อนที่ด้านหลัง โดยจะสามารถป้องกันรังสียูวี 100%ที่ด้านหน้า และดูดซับเพื่อลดการสะท้อนของรังสียูวีที่ผิวด้านหลังอีกแรงครับ ซึ่งในรุ่นนี้มีขีดความสามารถในการป้องกันรังสียูวีได้เท่ากับ SPF50+ ซึ่งเหนือกว่า Crizal Forte UV ที่ได้แค่ SPF25 ครับCrizal Super/Alize เป็นโค๊ตตัวเดียวกันแต่ต่างชื่อกันตามการตลาด จุดเด่นขึ้น มีความลื่นและความใสของโค๊ตที่สูงมาก แต่ยังขาดความสามารถในการลดฝุ่นเกาะ และขาดเรื่อง SPF ครับCrizal Prevencia คือโค๊ตที่สร้างมาเพื่อตัดแสงสีน้ำเงินอมม่วง แต่ปล่อยให้แสงสีน้ำเงินอมเขียวและแสงย่านรองลงมาทั้งหมดผ่านได้ ซึ่งจุดเด่นก็คือ ผ่านการทดสอบแล้วว่าสามารถลดการตายของเซลส์จอประสาทตา อันเนื่องมาจากได้รับแสงสีน้ำเงินมากเกินไป ได้สูงสุดถึง 25% โดยการที่ไม่บล็อกรังสีน้ำเงินอมเขียว จะทำให้มั่นใจได้ว่า จะไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อสุขภาพในองค์รวม เช่นกระทบต่อนาฬิกาชีวิต (Biological Clock)ขอบคุณครับ
Essilor Academy Thailand ทีนี้เมื่อถามถึง Azio เทคโนโลยีตัวนี้เรายังไม่จัดเป็นเลนส์เฉพาะบุคคลครับ แต่จัดเป็นเลนส์เฉพาะกลุ่มบุคคล (Ethnics) นั่นคือเลนส์รุ่นนี้ ทั้งชนิด Single Vision, Progressive Lens จะนำเอาข้อมูลโดยเฉลี่ยของชาวเอเซียมาใช้เป็นตัวตั้งในการออกแบบเลนส์ครับ ซึ่งในเลนส์ปกติทั่วๆไป จะใช้ข้อมูลโดยเฉลี่ยของชาวยุโรปมาเป็นฐานในการออกแบบเลนส์ แต่เลนส์ตระกูล Azio จะสร้างมาเพื่อชาวเอเซียโดยเฉพาะ ซึ่งข้อมูลที่นำมาปรับแต่งครอบคลุมตั้งแต่ กายวิภาคของดวงตา, สรีระท่าทางในขณะที่ใช้สายตา และรูปแบบของกรอบแว่นที่เหมาะสมกับคนเอเซีย …ซึ่งเลนส์ทุกรุ่นที่อยู่ในตระกูล Azio ล้วนแต่ผลิตหรือขัดขึ้นด้วยระบบ Freeform หรือที่เอสซีลอร์เราเรียกว่า Digital Surfacing ทุกๆคู่ครับ …ซึ่งสุดท้ายแล้วสิ่งที่ผู้สวมใส่แว่นตาชาวเอเซียจะได้รับจากเลนส์รุ่นนี้ก็คือ มุมมองที่กว้างขวางขึ้น, ความคมชัดที่ดีขึ้น, ความรวดเร็วในการปรับตัวที่ดีขึ้น ทั้งหมดนี้จะถูกปรับปรุงสูงขึ้น สูงสุดคือ 15%โดยประมาณครับขอบคุณครับ
1. Freeform หมายถึงเทคโนโลยีการขัดเลนส์หรือการผลิตเลนส์ ซึ่งให้ความแม่นยำเหนือกว่าการขัดเลนส์แบบเดิม และรองรับการปรับแต่งพื้นผิวเลนส์ด้วยซอฟท์แวร์คอมพิวเตอร์ กล่าวได้ว่า Freeform หรือ Digital Surfacing เป็นรากฐานของการผลิตเลนส์ยุคใหม่ทั้งหมดครับ
2. Atoric หมายถึงการแก้ไขปัญหาในส่วนของสายตาเอียงบนเลนส์ ซึ่งเรามักใช้คำนี้บนเลนส์ Single Vision ซะเป็นหลักครับ ยกตัวอย่างเช่น เลนส์ Nikon DAS จะมีผิวด้านหน้าเป็น Asperical ในขณะที่ผิวด้านหลังสามารถจัดให้เป็นชนิด Atoral หรือ Atoric ได้ ทำให้เลนส์ตัวนี้มีความสามารถในการลดปัญหาการมองเห็นได้ทั้งในกรณีที่ลูกค้ามีสายตา sph อย่างเดียว หรือมีสายตาเอียง(cyl) ร่วมด้วยครับ ดังนั้นหากกล่าวถึงเลนส์ในชื่อ Free form Atoric ก็เพียงแต่หมายถึงว่า เลนส์ชนิดนั้นๆ ถูกขัดในระบบฟรีฟอร์ม และแก้ไขปัญหาที่มากับค่าสายตาเอียงนั้นเองครับ …
3. Individual หมายถึงเลนส์ที่ออกแบบและปรับแต่งให้เหมาะสมกับลูกค้าเฉพาะบุคคล … คำๆนี้ในท้องตลาดใช้กันค่อนข้างสับสนครับ เลนส์บางรุ่นบางยี่ห้อ เพียงแค่ขัดด้วยระบบ Freeform ก็อ้างแล้วว่าเป็นเลนส์เฉพาะบุคคล ซึ่งถามว่าถูกต้องไหม ถ้าว่ากันตามตัวอักษรก็ถูกครับ … แต่สำหรับเอสซีลอร์เรายังไม่ถือว่าเลนส์ที่ทำแค่นี้เป็นเลนส์เฉพาะบุคคลแล้ว …. สำหรับทีเอสซีลอร์เราแบ่งระดับการเป็นเลนส์เฉพาะบุคคลไว้ค่อนข้างละเอียด และซับซ้อนครับโดยในกรณีเลนส์โปรเกรสซีฟ เราจัดลำดับให้เป็นดังนี้ครับ
3.1 Frame Parameter ซึ่งเริ่มใช้ในเลนส์รุ่น f-360 เป็นเลนส์เฉพาะบุคคลระดับแรกสุด กล่าวคือมีการปรับแต่งเลนส์ให้เหมาะสมกับข้อมูลของกรอบแว่นที่ลูกค้าเลือก บวกด้วยค่าสายตาของลูกค้า ซึ่งต้องใช้ข้อมูล Rx,PD,FH,PL,Wrap,Tilt,CVD มาทำการคำนวนส่วนต่างๆของเลนส์ทั้งหมดครับ
3.2 EyeCode Series เป็นการเสริมคุณสมบัติเลนส์ทุกๆตัวที่เอาเทคโนโลยี EyeCode นี้เติมลงไป ส่งผลให้เลนส์มีความเป็นเฉพาะบุคคลเพิ่มขึ้นมาอีก ด้วยการนำเอาระยะห่างระหว่างด้านหลังเลนส์แว่นตา ไปจนถึงจุดกึ่งกลางการหมุนของดวงตา มาใช้ปรับแต่งโครงสร้างเลนส์อย่างจำเพาะเจาะจงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่าง
3.3 Head/Eye co-efficientcy Strategies สูงขึ้นไปอีกระดับของเราคือการนำเอาพฤติกรรมและนิสัยการมองของลูกค้ามาใช้ปรับแต่งโครงสร้างเลนส์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะมีในเลนส์สองรุ่นคือ Varilux Ipseo, Varilux S4D
3.4 DE Technology สุดยอดของการปรับแต่งตอนนี้คือการนำเอาข้อมูลตาหลักตารอง มาใช้ปรับแต่งเลนส์ให้เหมาะสมกับการทำงานของดวงตาลูกค้าแต่ละคน ซึ่งมีอยู่ในเลนส์สองรุ่น คือ Varilux S3D, Varilux S4D ครับ
ผลการทดสอบที่เผยแพร่ผ่านทางนิตยสาร Canadian Journal of Optometry ฉบับเดือนธันวาคม 2005 ระบุไว้ว่า Crizal Forte Lens มีค่า Max Bayer Ratio ที่ 17.18 ในขณะที่เลนส์กระจกอยู่ที่ 18.24ครับ (เลนส์ Crizal Alize อยู่ที่ 12.03ครับ) ส่วน Seecoat plus ยังไม่พบข้อมูลอ้างอิงเป็นตัวเลขครับ แต่ที่เอสซีลอร์เราทราบกันว่าอยู่ในระดับเดียวกันกับ Crizal A2 ครับ
1.azio360และseemaxมีเทคโนโลยีอะไรที่สร้างความแตกต่างจากเลนส์single visionทั่วไปครับ ผู้ใช้ได้รับประโยชน์อะไรจากเทคโนโลยีเหล่านั้นบ้าง
2.มีparameterอะไรที่ต้องตรวจวัดบ้างครับ
3.โคทตัวไหนคือcrizal forte uvครับ ระหว่าง crizal avance uv กับ crizal sapphire uv
ขอบคุณครับ
1.1 Azio 360 ชื่อนี้ต้องแบ่งออกเป็นสองส่วนนะครับ โดยคำแรก Azio หมายถึงเลนส์ที่ออกแบบโดยคำนึงถึงลักษณะเฉพาะของผู้สวมใส่แว่นตาชาวเอเซีย ซึ่งต้องการแว่นตาที่มีลักษณะความโค้งน้อยๆ แบนๆ และมีค่า Center of Rotation of the Eye ที่ยาวกว่าค่าเฉลี่ยของคนทั่วไป(รวมถึงชาวยุโรป) ซึ่งเลนส์ที่ใช้การออกแบบในลักษณะ Azio จะให้มุมมองที่กว้างขวางขึ้น และลดเวลาในการปรับตัวของผู้สวมใส่ให้สั้นลงครับ
1.2 คำที่สอง 360 หมายถึงเลนส์ที่มีกระบวนการผลิตพิเศษโดยอาศัยประโยชน์จากเครื่องขัดเลนส์ระบบ Digital Surfacing และต้องมีการคำนวนพื้นผิวเลนส์เพื่อใช้ประโยชน์ทั้งจากด้านหน้า และด้านหลังของชิ้นเลนส์ครับ ผู้สวมใส่แว่นตาชนิดนี้ จะได้รับเลนส์ที่มีความแม่นยำในการผลิตสูงกว่า เลนส์ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีขัดเลนส์แบบเก่ามาก ส่งผลดีต่อความสบายตา และที่สำคัญ ระบบขัดเลนส์แบบนี้ ถือเป็นตัวจักรสำคัญที่ทำให้โครงสร้างผิวเลนส์ที่ออกแบบในระบบ Azio สามารถเป็นจริงได้ครับ หากไม่มีเจ้าตัว 360 นี้จะไม่สามารถผลิตเลนส์ให้เป็นชนิด Azio ได้เลยครับ2. SEEMAX เป็นชื่อทางการค้าของเลนส์ในตระกูลสูงสุดของ Nikon Japan ครับใช้เทคโนโลยีแอสเฟียริกที่คำนวนพื้นผิวเลนส์ทั้งสองด้าน (Double Aspherical) โดยมีระดับการคำนวนที่ซับซ้อนและแม่นยำที่สุดในบรรดาเลนส์กลุ่ม Aspherical ซึ่งจะคำนวนโดยมุ่งเน้นไปที่ลดปัญหาภาพบิดเบือน (Spherical Abberation) ให้ลดลงในระดับต่ำที่สุด รวมไปถึงสามารถลดปัญหา Power Error ได้ต่ำที่สุดในกลุ่มเช่นกัน ผู้สวมใส่เลนส์จะได้รับประสพการณ์การมองเห็นที่เรียกได้ว่ามีคุณภาพการมองที่ดีที่สุดในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้มีปัญหาสายตาที่ซับซ้อนแค่ไหน รวมไปถึงสามารถรองรับการมองไปยังทิศทางต่างๆ นอกเหนือจากแนวตั้งและแนวนอน ที่จะให้ความชัดเจน สบายตาที่สูงสุดครับ3.เลนส์เกือบทั้งหมดที่ถามมาต้องการการตรวจวัดที่ไม่ซับซ้อน แต่ต้องแม่นยำ เช่น ระยะห่างของดวงตาแต่ละข้างเมื่อเทียบกับกึ่งกลางสันจมูก, ตำแหน่งกึ่งกลางดวงตาเทียบกับขอบแว่นตาด้านล่างแต่ละข้าง, รูปทรงของเลนส์จริงๆ (ในกรณี SEEMAX)4.โค๊ตติ้ง Crizal Forte UV คือโค๊ตติ้งที่ดีที่สุดในปัจจุบันนี้ของ Essilor เราครับ มีจุดเด่นตรงที่สามารถป้องกันรังสียูวีโดยคำนึงถึงทั้งรังสียูวีทื่เข้ามาตรงๆจากด้านหน้าเลนส์ และรังสียูวีที่สะท้อนจากผิวด้านหลังเลนส์ ซึ่งถือว่าปลอดภัยสูงสุดในปัจจุบันครับ นอกจากนี้ยังสามารถลดปัญหารอยขีดข่วนได้ดีที่สุด โดยสามารถลดปัญหารอยขีดข่วนได้ดีกว่าเลนส์รุ่น Crizal A2 ถึง 50% เลยทีเดียวครับ
ส่วน Crizal Sapphire UV คือผลิตภัณฑ์ตัวเดียวกันกับ Crizal Forte UV เพียงแต่เป็นชื่อที่ถูกใช้ในภูมิภาคอเมริกาครับ
และ Crizal Advance UV ก็มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ Crizal A2 ในไทย (ต่างกันตรงความสามารถในการป้องกันยูวี) ซึ่ง Crizal Advance UV เป็นชื่อที่ใช้ในภูมิภาคอเมริกาเช่นกันครับ (ในประเทศไทยยังไมได้ผลิตรุ่น Crizal A2 UV ครับ)
ขอบคุณเช่นกันครับ
1.ถ้าสายตาสั้นอย่างเดียวไม่มีเอียง ผู้ใช้จะเห็นความแตกต่างระหว่าง aspheric กับ double aspheric หรือไม่ครับ
2.ถ้าสายตาเอียงในแกน90/180 ผู้ใช้จะเห็นความแตกต่างระหว่าง double aspheric กับ seemax หรือไม่ครับ
ขอบคุณครับ
1. กรณีนี้ความแตกต่างในเรื่องการมองเห็นจะน้อยครับ อาจแยกแยะความแตกต่างไม่ออกในผู้สวมใส่บางรายครับ ซึ่งหากเลือกใช้เลนส์ชนิด Double Aspheric จะได้ประโยชน์เต็มๆก็ในเรื่องของความบางที่ดีกว่าชัดเจนครับ
2.เห็นความแตกต่างครับ เพราะเทคโนโลยีของ SeeMax ไม่ใช่เพียงแค่เพื่อรองรับแกนองศาของค่าสายตาเอียงในแนวแปลกๆ(เช่นแนวทะแยงมุม) แต่ยังหมายถึงการเหลือบตาไปในทิศทางต่างๆที่นอกเหนือจากการเหลือบตาในแนวตั้งและแนวนอนครับ
ขอบคุณครับ
สอบถามนอกเรื่องหน่อยครับอยากรู้ว่าถ้าcornea vertex distanceน้อยหรือเลนส์อยู่ชิดตานิดนึงจะมีผลต่อการมองไหมครับ กรณีถ้าเป็นsingle lens ครับ ขอบคุณครับ
Essilor Academy Thailand สำหรับผลกระทบของการที่เลนส์แว่นชิดตามากกว่าปกตินั้น ถ้าเล็กๆน้อยๆ (เช่นวัดได้ระยะ Cornia Vertex Distance ไม่น้อยกว่า10มม. บนค่าสายตาไม่สูงมากนัก เช่นประมาณ 3.00D) แทบกล่าวได้ว่าไม่มีผลกระทบใดๆครับ สำหรับเลนส์ชั้นเดียว.หากเราต้องการพิจารณากรณีนี้โดยละเอียด … คงต้องแบ่งประเภทของเลนส์ออกเป็นสองกลุ่มครับ กลุ่มแรกพวกเลนส์ธรรมดาๆ ที่ไม่ได้ใส่เทคโนโลยีอะไรเยอะนัก (เลนส์สเฟียริกธรรมดา) อันนี้แทบไม่มีผลได้ผลเสียอะไรครับ แม้จะชิดตามากซักนิดหนึ่ง ก็จะกระทบแค่ในส่วนของค่าการหักเหแสงที่แท้จริง หรือค่าสายตาที่แท้จริงนั่นเอง … ซึ่งต้องไปดูกำลังสเฟียร์อีกทีว่ามากน้อยแค่ไหนครับแต่เลนส์กลุ่มที่สองคือพวกเลนส์ที่ใส่เทคโนโลยีลงไปเยอะๆ เช่นเลนส์แอสเฟียริก, เลนส์ดับเบิ้ลแอสเฟียริก, เลนส์ที่ใช้เทคโนโลยีเวฟฟร๊อนท์มาร่วมด้วย ….. พวกนี้จะมีผลกระทบเยอะกว่าเลนส์พื้นๆครับ …
สืบเนื่องจากการที่เลนส์เหล่านี้จะทำงานได้ดีสมกับที่มันควรจะเป็นนั้น จำเป็นต้องควบคุมตัวแปรต่างๆให้อยู่ในเกณฑ์ที่ออกแบบไว้ล่วงหน้า ซึ่งเลนส์แอสเฟียริก ทั่วๆไปมักจะใช้สมมุติฐานว่า เลนส์ห่างจากกระจกตาประมาณ 12.0มม และระยะจากกระจกตามาจนถึงจุดกึ่งกลางการหมุนของดวงตา(COR)เป็น 13.5มม, ซึ่งแน่นอนว่าระยะ COR เราควบคุมอะไรไม่ได้เพราะเป็นค่าของแต่ละบุคคลไป แต่ระยะ CVD เราก็คงต้องพยายามควบคุมให้ใกล้เคียงตรงนี้มากที่สุดหล่ะครับ ไม่งั้นมันสามารถเกิดผลกระทบในทางลบได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยครับ
ดังนั้นในเลนส์ซิงเกิ้ลวิชั่นระดับไฮเอนด์ของเอสซีลอร์จึงมีเลนส์กลุ่มหนึ่งคือ Single Vision EyeCode(ยังไม่มีจำหน่ายในประเทศไทยนะครับ) ที่เปิดโอกาสให้เราสามารถวัดระยะ CVD และ COR และนำไปคำนวนค่าสายตารวมทั้งโครงสร้างจริงๆของเลนส์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในระดับที่ดีที่สุดครับ …
พอดีไปดูweb essilor ของต่างประเทศดูเลยอยากทราบรายละเอียดของ Crizal ที่ใช้ชื่อในต่างประเทศตรงกับอันไหนของประเทศไทยครับ ซึ่งมี crizal forte Uv , crizal forte , crizal alize+ , crizal easy ครับ
2. Crizal Forte เป็นรุ่นที่เคยอยู่ในระดับท็อป ตอนนี้ก็ปลดระวางแล้วเพื่อให้ Crizal Forte UV มารับหน้าที่และตำแหน่งนี้แทนครับ
3. Crizal alize+ ในตลาดบ้านเราก็จำหน่ายอยู่ในชื่อ Crizal Alize ครับจุดเด่นสำคัญคือเลนส์ใสมาก และเช็ดทำความสะอาดคราบสกปรกได้ง่ายมากครับ
4. Crizal Easy ไม่ได้นำเข้ามาขายในประเทศไทยครับ